Monday, November 17, 2014

ความในใจของคนเป็นแม่

สืบเนื่องมากจาการเสพสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็ได้ทราบข่าวคราวมามากมายพอสมควร
อยากจะเขียนเพื่อสะท้อนความจริงในสังคมในเรื่องของครอบครัวบ้าง อาจจะเป็นแค่
มุมมองของแม่คนหนึ่งที่เลี้ยงลูกเอง และแอบไปทำงานประจำบ้าง เข้าเรื่องเลยละกัน

ถ้าจะย้อนไปแล้วการที่คนเราจะแต่งงาน สร้างครอบครัวและมีลูกนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่
เพราะเราไม่ได้อยู่เพียงตัวคนเดียวแล้ว เรายังต้องมีสามีหรือภรรยาที่ต้องอยู่กับเรา
และเมื่อเรามีลูก เราก็ต้องเลี้ยงลูกของเรา แต่ก็อีกนั่นแหล่ะ เมื่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี
พ่อแม่ก็ต้องออกไปทำงาน และฝากลูกไว้กับญาติ หรือพี่เลี้ยง ซึ่งในบางกรณีที่จำจริงๆ ไม่มีทางเลือกอื่น อันนั้นก็เข้าใจ

แต่บางครั้งก็เกิดข้อสงสัยเหมือนกันว่าถ้าแต่งงานแล้วมีลูก แต่ไม่สามารถเลี้ยงลูกของตัวเองได้
ต้องส่งไปให้ปู่ย่า หรือตายายเลี้ยง หรือให้ญาติเลี้ยง เนื่องจากรับภาระว่าใช้จ่ายไม่ไหว
แล้วจะรีบมีลูกทำไม ประมาณว่ามีลูกแล้วไม่สามารถเลี้ยงได้ และไม่สามารถ
รับผิดชอบเค้าได้ สุดท้ายก็กลายเป็นภาระผู้อื่น หรือไม่ถ้ารู้ว่าตั้งครรภ์แล้วลูกไม่สมบูรณ์
พอคลอดออกมาก็ทิ้ง นี่มันคืออะไร มันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน

คิดๆ ไปแล้ว เราควรจะมีโรงเรียนพ่อแม่ดีไหม สอนให้รู้จักความเป็นพ่อแม่ หน้าที่ของพ่อแม่
ความรับผิดชอบของพ่อแม่ ไม่เช่นนั้นมันก็จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ เด็กกำพร้าก็เพิ่มจำนวนมากขึ้น
พ่อแม่วัยใสก็มีมากขึ้น ได้ฟังโฆษณาของ สสส. เรื่องแจ้งเกิดทุกวัน มันก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า
พ่อแม่ที่ไม่มีความพร้อมในการมีลูก แต่ดันมีลูกขึ้นมา หรือว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ป้องกัน
ก็มีลูกขึ้นมาอีก หรือในบางกรณีก็อยากจะมี เพราะมีคนช่วยเลี้ยง หรือถ้ามีเพื่อหวังสมบัติแต่ชั้นไม่เลี้ยง

หยุดความคิดเช่นนี้เถอะค่ะ เด็กที่เกิดมานั้นเป็นผ้าขาว เค้าไม่อยากเกิดมาเพื่อเป็นสิ่ง
ที่แสดงออกถึงความใคร่และความสำราญของคนสองคน เค้าอยากมีพ่อแม่ที่รักและเอาใจใส่
อบรมเลี้ยงดู และสั่งสอนเค้าให้เป็นคนดี ถ้าคิดจะมีอะไรกันแล้วไม่อยากมีลูกก็ให้ป้องกันนะคะ อย่าให้เด็กเกิดมาโดยความไม่พร้อมของพ่อแม่ ซึ่งมันเป็นเพียงแค่ข้ออ้างและปัดความรับผิดชอบเท่านั้น



No comments:

Post a Comment